งานเปิดตัวเทศกาลฟุตบอลประเพณี
ประวัติ
ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ก่อกําเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ. 2477 โดยแนวความคิดของนิสิตนักศึกษาทั้งสองสถาบันกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเคยเรียนอยูในโรงเรียนเดียวกัน หลังจากแยกย้ายไปเรียนในสองสถาบันก็ยังมีความผูกพันกันอยู่ จึงหารือกันว่าควรจะมีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างสถาบัน เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ และเสริมสร้างความสามัคคี ระหว่างนิสิตนักศึกษาทั้งสองสถาบัน และควรจัดให้มีขึ้นเป็นประจําทุกปีผู้ริเริ่มฝ่ายธรรมศาสตร์มี พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ยมนาค นายบุศย์ สิมะเสถียร และฝ่ ายจุฬาฯ มีนายประสงค์ ชัยพรรค นายประถม ชาญสันต์ และนายประยุทธ สวัสดิ์สิงห์ การแข่งขันครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2477 ณ สนามหลวง ท้องทุ่งพระสุเมรุ โดยทางฝ่ายธรรมศาสตร์คือ ดร.เดือน บุนนาค เลขาธิการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองสมัยนั้น รับจัดการแข่งขัน และได้ถือเป็ นประเพณีปฏิบัติสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ว่าทั้งสองสถาบันจะผลัดกันเป็นเจ้าภาพในแต่ละปี รายได้ที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายแล้วจะมีการมอบเพื่อการกุศลตามโอกาสโดยในครั้งแรกมีการเก็บเงินค่าผ่านประตูบํารุงสมาคมปราบวัณโรค ซึ่งถือเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดของไทยขณะนั้น หลังจากนั้นก็มีการเก็บเงินบํารุงการกุศลเรื่อยมา เช่น ในช่วงแรกๆ มีการเก็บ เงินบํารุงทหารสมทบทุนสร้างเรือนพักคนไข้วัณโรค ช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยบํารุงสภากาชาดบํารุงมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก สมทบทุนอานันทมหิดล สร้างโรงเรียนชาวเขา ฯลฯ
สถานที่จัดการแข่งขัน
ครั้งแรกที่ท้องสนามหลวง ครั้งที่ 2, 3 และ 4 ได้ย้ายไปจัดที่สนามฟุตบอลโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และนับตั้งแต่ครั้งที่ 5 เป็นต้นมา ได้ย้ายมาจัดที่สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติจนถึงปัจจุบัน (ยกเว้นครั้งที่ 41 และ 44 จัดที่สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์) แม้จะถือเป็นประเพณีว่าการจัดการแข่งขันจะจัดเป็นประจําทุกปี แต่ในบางปี สถานการณ์ บ้านเมืองไม่เอื้ออํานวยต่อการจัดการแข่งขัน จึงได้มีการงดเว้นในหลายๆ ช่วง กล่าวคือ ในปี พ.ศ.2485 เกิดนํ้าท่วมใหญ่กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2487 – 2491 อยู่ในระหว่างสงคราม และการฟื้นฟูหลังสงคราม ในปี พ.ศ. 2494 เกิดเหตุการณ์กบฎแมนฮัตตัน พ.ศ. 2516 – 2518 และ พ.ศ. 2520 สถานการณ์บ้านเมืองไม่เอื้ออํานวย
เสียงเพลงพระราชนิพนธ์“มหาจุฬาลงกรณ์” และ “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
(ยูงทอง)” ได้ก้องกังวานขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2492 (การแข่งขันครั้งที่ 10) ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่สมเด็จพระนางเจ้ารําไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 เสด็จพระราชดําเนินมา เป็นองค์ประธาน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานถ้วยรางวัล ปีนั้นจึงเป็นปีแรกที่เป็นการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทาน และต่อมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 (การแข่งขันครั้งที่ 12) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมเสด็จพระราชดําเนินมาเป็นองค์ประธาน และพระราชทานถ้วยรางวัล สําหรับการแข่งขัน ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ -ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 13 ถึง 71 (พ.ศ. 2496-2557) แม้มิได้ทรงเสด็จพระราชดําเนินด้วยพระองค์เอง ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์ไปในการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ มิเคยขาด ยังความปลาบปลื้มแก่นิสิตนักศึกษาทั้งสองสถาบันพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรี สินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สองสถาบันจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 เป็นต้นไป ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
วันเวลาและสถานที่จัดการแข่งขัน
จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สนามศุภชลาศัย ประตู 18 (ฝั่งจุฬาฯ) ประตูเปิดเวลา 11:00 น. สำหรับผู้ลงทะเบียนและ 12:00 น. สำหรับ walkin ส่วนทีมจุฬามาเจอกันที่สนามจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเวลา 9 โมง 9 นาที
กิจกรรมที่จะเกิดขึ้น
CHULA BAKA BEGINS
Chula Baka Begins หรือ งานเปิดเทศกาลงานฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ ถูกจัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์งานฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ แก่นิสิต-นักศึกษา ศิษย์เก่า รวมไปถึงบุคคลทั่วไป เพื่อให้เกิดการรับรู้รับทราบและเข้าใจถึงงานฟุตบอลประเพณีที่กำลังจะเกิดขึ้น และ เพื่อเป็นการย้ำเตือนรวมถึงเป็นการสร้างบรรยากาศอันดีเพื่อปลุกเร้าให้ผู้คนตั้งตารอถึงงานฟุตบอลประเพณีที่จะถูกจัดขึ้นในไม่ช้า
งานเปิดเทศกาลงานฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ครั้งที่ 75 เริ่มต้นขึ้นด้วยการเดินพรมชมพูโดยแขกผู้มีเกียรติจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อเข้าสู่พื้นที่จัดการแสดง โดยการแสดงภายในงานประกอบไปด้วย การแสดงแบบเครื่องแต่งกาย (Fashion show) แสดงถึงความสวยงามของงานฟุตบอลประเพณีอีกทั้งมีการเปิดตัวนักฟุตบอลแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกด้วย ภายในงานยังประกอบไปด้วยการแสดงจากองค์กรต่างๆของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาทิ ผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุฬาฯ คทากร และ ปิดท้ายลงด้วยการแสดงพิเศษจากศิลปิน Proxie ซึ่งเป็นวงดนตรีที่ได้ความนิยมจากคนรุ่นใหม่อย่างล้นหลาม นอกจากการแสดงสุดพิเศษต่างๆที่ได้ถูกจัดขึ้นแล้วนั้น งานเปิดเทศกาลงานฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ยังประกอบไปด้วยนิทรรศการที่จัดแสดงงานศิลปะที่สื่อถึงงานฟุตบอลประเพณี เช่น การจัดแสดงเสื้อบอลจากปีต่าง ๆ อันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน รวมไปถึงแนวคิดภายใต้งานฟุตบอลประเพณีในแต่ละปี กิจกรรมแปลอักษร ที่จะให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลองแปลอักษรเพื่อสัมผัสกิจกรรมที่เป็นดั่งเครื่องหมายการค้าที่สำคัญของงานฟุตบอลประเพณี รวมไปถึงจุดถ่ายรูปแสนสวยที่จัดเตรียมไว้ให้ทั้งทุกคนเพลิดเพลินไปกับงานเปิดเทศกาลงานฟุตบอลประเพณี ภายในงานยังประกอบไปด้วยร้านค้านิสิตจากคณะต่างๆ ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ซื้อสิ้นค้า อาหาร และ เครื่องดื่ม อีกด้วย เหนือสิ่งอื่นใด งานเปิดเทศกาลงานฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ได้เล็งเห็นความสำคัญของสังคมโดยรอบ ซึ่งได้ร่วมมือกับสภากาชาดไทยเพื่อเปิดจุดรับบริจากโลหิต ให้ผู้ที่สนใจสามารถร่วมบริจากโลหิตได้ภายในงาน ตามแนวคิดและจุดมุ่งหมายสูงสุดของงาน ที่ถูกจัดขึ้นเพื่อคืนประโยชน์สู่สังคม และ ตามหลักปรัชญาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ว่า ‘เกียรติภูมิจุฬาฯ คือเกียรติแห่งการรับใช้ประชาชน’
Baka เป็นคำเชียร์ที่ถูกใช้ในบูมเชียร์ของนิสิตจุฬามาเสมอ นอกจากนี้ยังเป็นคำที่โมเสสให้พูดเพื่อเปิดทะเล ขณะ
Baka Pink Road
BAKA Pink Road ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการรวมตัวกันของนิสิต ศิษย์เก่า และ บุคคลทั่วไปที่มาร่วมให้กำลังใจทีมฟุตบอลแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านการเดินขบวน โดยมีการเริ่มต้นเดินขบวนจากลานพระบรมรูป 2 รัชกาล และ สิ้นสุดลงที่สนามกีฬาแห่งชาติ (ศุภชลาศัย) เพื่อขึ้นไปยังแสตนด์เชียร์ฝั่งจุฬาฯ เป็นการแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของทีมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรู้รักสามัคคีกันของชาวจุฬาฯ
ปีนี้จัดขึ้นที่สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเวลา 9 โมง 9 นาที เพื่อเดินไปยังประตู 18 ของสนามศุภชลาศัย
Match Day
ขบวนสะท้อนสังคม
ขบวนพระเกี้ยว
สแตนด์เชียร์และแปรอักษร
ช่องทางการจำหน่ายบัตร
ติดตามได้จากฝั่งธรรมศาสตร์
แนวคิดงาน
“Dawn of Memory”
คําอธิบาย
วันเวลาผันเปลี่ยน อดีตผันแปร ปัจจุบันล่วงเลยสู่อนาคต ตั้งแต่เด็กเราพบเจอเรื่องราวอะไรมามากมาย ทุกย่างก้าวของการเติบโต ทุกเศษเสี้ยวของความทรงจํา ทุกสิ่งที่เราตัดสินใจ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ไม่ว่าจะสร้างบาดแผลทิ้งไว้หรือสร้างรอยยิ้มที่ยังคงงดงามเสมอ สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้เกิดเราและสิ่งรอบตัวเราในทุกวันนี้ จากเด็กน้อยในวันนั้น เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ เราต้องพบเจอทางเลือกมากมายในชีวิต ทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาได้หล่อหลอมตัวเราในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีบางคําถามวนเวียนอยู่ในความคิดถ้าตอนนั้นเราเลือกอีกทาง ตอนนี้จะเป็นอย่างไร ? ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เรายังจะทําแบบเดิมอยู่หรือเปล่า ? เราในตอนนี้ยังคงเป็นเราคนเดิมในอดีตไหม ?
บางครั้งในชีวิต เราอาจอยากย้อนกลับไปแก้ไข หรือคิดถึงสิ่งที่เราเคยเลือกทํามาแล้ว แต่ทุกสิ่งที่ ผ่านไปนั้นคือ บทเรียนที่ทําให้เราเติบโต
ในงานฟุตบอลประเพณีครั้งที่ 75 นี้จะไม่ได้เป็นเพียงแค่สนามแห่งการแข่งขัน แต่จะเป็นสถานที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้หวนกลับมามองอดีตอีกครั้ง ได้ทบทวนความหมายของชีวิต และได้ตระหนักว่าอดีตนั้นไม่เพียงแค่ผ่านพ้นไปหากแต่เป็นการสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของเราในวันนี้
แก่นของคอนเซ็ปต์
ทุก ๆ สิ่งในปัจจุบัน ล้วนมีเรื่องราวในอดีตและความทรงจําที่ซ่อนอยู่
Keyword: การเติบโต, ความทรงจํา, เรื่องราว
ฝั่งจุฬา
Theme จุฬา: The Time of Tapestry อดีต อนาคต ของปัจจุบัน
Key Message
“อดีต อนาคต ของปัจจุบัน ”– ทุกช่วงเวลาที่ผ่านมา คือการเดินทางที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์และบทเรียนที่หล่อหลอมให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้า หลักการ Butterfly Effect ชี้ให้เห็นว่าทุกการกระทําเล็กๆ ในวันนี้มีพลังที่ จะสร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ที่ขยายไปสู่อนาคต แม้จะเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในปัจจุบัน แต่แรงกระเพื่อมนั้นอาจนําไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่และงดงาม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ SDGs ที่ได้สอนให้เราเป็นบรรพบุรุษของคนรุ่นถัดไป หมายถึง เราควรใช้ชีวิตด้วยจิตสํานึกถึงอนาคตโดยไม่ใช้ทรัพยากรเกินความจําเป็น เพื่อส่งต่อโลกที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกหลาน ดังนั้น การนําบทเรียนจากอดีตมาปรับใช้กับปัจจุบันอย่างระมัดระวัง ไม่เพียงช่วยให้ เรามีอนาคตที่ทันสมัยและยั่งยืน แต่ยังเป็นการมอบอนาคตที่ดีให้กับคนรุ่นหลังได้
Storyline เนื้อหา
“อดีต อนาคต ของปัจจุบัน” ในช่วงเวลาที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง ผีเสื้อทุกตัวล้วนมีเส้นทางที่ต้องเดิน มันเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ อย่างดักแด้ที่ใช้ชีวิตในรังอันเงียบสงบ ถูกปกคลุมไว้ด้วยเส้นใยแห่งความปลอดภัย แม้ในช่วงแรกมัน อาจดูธรรมดาและเล็กน้อย แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง ในร่างของดักแด้นั้น ผีเสื้อ ได้สะสมพลังจากภายใน เก็บเกี่ยวประสบการณ์และการเรียนรู้จากทุกความรู้สึกที่เคยสัมผัส เส้นทางชีวิตของมัน คือการเรียนรู้ว่าอดีตนั้นมิใช่เพียงแค่สิ่งที่ผ่านไป แต่คือการหล่อหลอมเพื่อเตรียมพร้อมสู้การเติบโตและเปิดรับสิ่ง ใหม่ แล้วเวลานั้นก็มาถึง เมื่อดักแด้เริ่มฉีกทลายออกเป็นแสงสว่าง มันเริ่มเผยปีกแห่งการเติบโต สีสันบนปีกของมันไม่เหมือนกันในทุกตัว พวกมันคือผลลัพธ์จากประสบการณ์ที่ผ่านมา การเผยปีกออกครั้งนี้เต็มไปด้วยการตระหนักถึงความทรงจําในอดีต และเป็นการปล่อยพลังเพื่อบรรลุสิ่งที่อยู่ข้างหน้า การโบยบินของผีเสื้อนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มันโบยบินจากป่าแห่งหนึ่งไปยังอีกป่า ช่วงเวลาที่ดักแด้กลายเป็นผีเสื้อ มันตระหนักดีว่าปีกที่มีในวันนี้เกิดจากการสะสมประสบการณ์ที่เคยผ่าน มันใช้ทุกเสี้ยวประสบการณ์นั้นให้เป็นแรงผลักดันในปัจจุบัน ใช้สีสันของปีกเพื่อสร้างรอยยิ้มและความหวังให้โลกใบนี้ เมื่อผีเสื้อกระพือปีก มันไม่ใช่เพียงแค่การเคลื่อนไหว แต่เป็นแรงกระเพื่อมที่ส่งไปยังอนาคต ทุกการกระพือปีกของมันคือสัญญาณที่ส่งผลสะท้อนต่อสิ่งที่อยู่รอบข้าง แรงกระพือปีกของผีเสื้อมีผลยิ่งใหญ่ต่ออนาคต การโบยบินครั้งนี้เป็นเหมือนการส่งขอความถึงอนาคต ว่าทุกสิ่งที่ทําไปจะส่งผลในวันข้างหน้า ทุกการกระทําและการเคลื่อนไหวของผีเสื้อสามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่าได้เสมอ สุดท้ายนี้ผีเสื้อได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความงดงามที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง มันได้ใช้พลังแห่งอดีตในทุกการเดินทางข้างหน้า แรงกระเพื่อมจากปีกของมันไม่ใช้เพียงสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ แต่เป็นการสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่และทันสมัย เป็นผลผลิตของความหวัง ความเชื่อมั่น และการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มันเติบโตไปสู่อนาคตอย่างมีทิศทางมีจุดหมาย และไม่หวั่นเกรงกับการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันของเราในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเส้นทางของผีเสื้อ ทุกๆ การกระทําและการตัดสินใจเป็นแรงกระเพื่อมที่เชื่อมโยงไปถึงอนาคต ทุกสิ่งที่เราทําและเรียนรู้จากอดีตจะกลายเป็นพลังในการสร้างสรรค์อนาคตอันงดงาม
โลโก้และเสื้อเชียร์
นายภูริทัต ชูชัยยะ คณะอักษรศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 ผู้ชนะการประกวดแบบเสื้อเชียร์จุฬาฯ งานฟุตบอลประเพณี ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 เสื้อรุ่นนี้ถ่ายทอดแนวคิด “The Time of Tapestry: อดีต อนาคตของปัจจุบัน” ผ่านดีไซน์ที่ผสมผสานอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอย่างกลมกลืน
โลโก้
ตราสัญลักษณ์พิเศษ – ออกแบบโดยรวมเลข 7 และ 5 เป็นตัว “ฬ” ซึ่งสามารถอ่านเป็นคำว่า “จุฬา” แสดงถึงงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 พร้อมลายเส้นเฉียงที่สื่อถึงความทันสมัย (Futuristic) และการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง (Innovative)
เสื้อเชียร์
สีและการไล่ระดับ: สีไล่ระดับชมพูม่วง คือการนำสีชมพูที่เป็นสีประจำมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสีวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสีม่วงคือสีวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย สื่อถึงอดีตอันยิ่งใหญ่และอนาคตที่สดใส
เปิดให้พรีออเดอร์แล้ววันนี้ – เสื้อเชียร์ทีมจุฬาฯ งานฟุตบอลประเพณี ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 ดีไซน์สวย คม ละเอียดทุกจุด ผสมผสานกันอย่างลงตัว เด่นชัดด้วยความเป็นลูกพระเกี้ยว ถ่ายทอดออกมาบนตัวเสื้อคอปกได้อย่างพิถีพิถัน เนื้อผ้าเบาสบาย ระบายอากาศดีเยี่ยม
ราคา 350 บาท ซื้อได้ที่ Warrix
WOOPMAG.COM Entertainment and Lifestyle online magazine




























