News Update
Home / Tag Archives: คุยแซ่บShow

Tag Archives: คุยแซ่บShow

Feed Subscription

“มาย-อาโป” เปิดใจ ฮอตระดับโกลบอล สร้างมูลค่าสื่อให้แบรนด์ระดับโลกกว่า 159.9 ล้าน!

“มาย-อาโป” เปิดใจ ฮอตระดับโกลบอล สร้างมูลค่าสื่อให้แบรนด์ระดับโลกกว่า 159.9 ล้าน!

“มาย-อาโป” เปิดใจ ฮอตระดับโกลบอล สร้างมูลค่าสื่อให้แบรนด์ระดับโลกกว่า 159.9 ล้าน! “มาย ภาคภูมิ” และ “อาโป ณัฐวิญญ์” สองนักแสดงสุดฮอต ระดับโกลบอล ที่วันนี้จะมาย้อนเล่าวีรกรรมวัยเด็ก ไม่สนใจการเรียน พร้อมเปิดเส้นทางในวงการบันเทิงนานกว่า 10 ปี จนกลายเป็นนักแสดงแถวหน้า สร้างมูลค่าสื่อให้กับแบรนด์ระดับโลก ได้มากกว่า 159.9 ล้านบาท ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ   ซีรีส์ที่เล่นชื่อว่าคินน์พอร์ชเดอะซีรีส์ ดังทั่วโลก กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ ทั้งคู่ไม่เคยใฝ่ฝันเลยว่าจะเป็นดารา ตอนวัยเด็กอยากเป็นอะไร? มาย : ตอนเด็กอยากเป็นวิศวโยธา ตอนเด็กผมเคยมีญาติ ญาติพาไปเที่ยว เห็นเขาทำฝาย ผมก็มีความใฝ่ฝันอยากทำฝาย ดูเท่   อาโป : ผมโนไอเดียเลย ไม่รู้เลยว่าจะทำอะไร อยากเป็นอะไร พ่อแม่การศึกษาไม่ได้สูง เขาก็แค่อยากให้ลูกเรียนในสิ่งที่คิดว่ามันมั่นคง เป็นหมอหรืออะไรแบบนี้ เราก็รู้ลึกๆ ว่ามันไม่น่าเหมาะกับเรา มันก็เลยเคว้ง เหมือนอยู่ในครอบครัวที่เขาคาดหวัง เราก็งงอยู่พักใหญ่ๆ ตอนเด็กเป็นไง ตั้งใจเรียนมั้ย? อาโป : ตอนเด็กผมแสบมาก ไม่ค่อยเอาอะไรเลย ส่วนใหญ่จะเอาแต่กิจกรรม ชอบออกไปเล่นบาส จะเล่นตลอดเวลา ถ้าใครเห็นภาพวัยเด็ก จะเห็นว่าผิวคล้ำเลย   ถึงขั้นไม่วางแผนว่าชีวิตจะเรียนต่ออะไร? อาโป : ตอนเข้าธรรมศาสตร์วิศวะได้ อันนั้นคือตามเพื่อน ผมไม่ได้ชอบ โปชอบจินตนาการ ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ อีก 5-10 ปีเรายังทำมันอยู่มั้ย มันก็จินตนาการได้ว่าเฮ้ย เราไม่น่าทำงานที่นั่งอยู่ในออฟฟิศได้แน่นอน ก็เลยตัดสินใจออกซะ เรียนไปปีนึงแล้วออก ตอนนั้นเราสร้างภาพว่าเราคงไม่ทำงานที่เป็นรูทีน ทำงานซ้ำๆ วนไปวนมา   ออกแล้วไปอยู่ไหน? อาโป : มีช่วงที่ว่างไปปีสองปี ช่วงนั้นใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงมาก เพื่อค้นหาชีวิตว่าเราชอบอะไร เราอยากเป็นอะไร ตื่นมาก็ไปวิ่งเล่น ไปเล่นสเก็ตบอร์ด พอตกเย็นก็ไปดื่ม วนๆ อย่างนี้   มาย : สมัยก่อนไม่ชวนบ้าง (หัวเราะ) พูดเล่นๆ   พ่อแม่ช็อกมั้ย? อาโป : เราไม่ค่อยบอกเขา แต่ก่อนเราไม่สนิทกันมาก เราก็เลยอยู่กับตัวเองอยู่กับเพื่อน มายก็ไม่เบานะ ความแสบของคุณ? มาย : คนอาจคิดว่าผมแสบ แต่จริงๆ ผมแค่อยากเรียนรู้ชีวิต แต่เร็วไปนิดนึง เด็กๆ เป็นเด็กเรียน ไปแข่งเลข ชอบแข่งเลขมาก เราก็รู้จักกีต้าร์ เริ่มรู้จักคำว่าบันเทิง ก็ค่อยๆ ไหลไป แล้ววันนึงสอบเข้าม. 4 ทีนี้เกิดอาการโฮมซิก ไปโรงเรียนแล้วไม่ค่อยแฮปปี้ คิดถึงบ้าน จริงๆ ผมกาฬสินธุ์ มาเรียนต่อกรุงเทพฯ ตอนม.4 เราก็โหวงๆ คิดถึงบ้าน แต่เราก็ไม่อยากทำให้ที่บ้านเป็นห่วง ไม่ได้บอกอะไรเขาเลย แต่ใช้วิธีเอาสิ่งไม่ดีออกด้วยการไปหาอะไรทำระหว่างที่ต้องเรียน ไปตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ชวนคุยกับคน ชวนคุยกับป้าขายลูกชิ้น คนกวาดถนน แท็กซี่ หรือใครก็ตามที่เขาเพิ่งเลิกงาน ตอนนี้เพิ่งม. 4 ม.5 แต่ข้อเสียคือไม่ได้เข้าเรียนเลย เทอมนึงน่าจะ 20 เปอร์เซ็นต์ของเทอมที่เข้า ม.4 ม.5 ก็หนักอยู่ครับ ก็เรียกผู้ปกครอง พอแม่รู้เราก็รู้ว่าเขาเป็นห่วงเราแล้ว เราก็ค่อยๆ ยอมๆ ไป แล้วก็ปรับตัวตามกาลเวลา กลับมาตั้งใจเรียน   ถือว่าเป็นคนหัวดีทั้งคู่ คนนึงตามเพื่อนไปถึงธรรมศาสตร์ คนนึงถึงเกเร แต่ก็อยู่เตรียม เอ็นติดด้วย? มาย : เข้ามธ. เด็กวารสาร   ทำไมไม่เข้าวิศวะล่ะ? มาย : พอคุยกับคนเยอะๆ ปุ๊บ รู้สึกว่าจริงๆ ชีวิตมีอะไรเยอะแยะมาก เรารู้สึกชอบคุย ชอบสัมภาษณ์คน อยากเป็นนักข่าวเหรอ? มาย : ณ จุดนั้นเราอยากเป็นนักข่าว รู้สึกว่าชีวิตมีหลากหลายมาก ถ้าเราได้ถ่ายทอดจากคนที่ไม่มีโอกาสได้พูดออกไป เราบอกแทนเขา เช่นนักข่าวก็น่าจะดี หรือไม่ก็ชอบตัวเลขอยู่หรือบัญชีดีวะ ก็ชั่งใจอยู่พักใหญ่ๆ   อาโปดื่มแอลกอฮอล์แทนน้ำ? อาโป : เป็นช่วงเรียนรู้ชีวิต ว่าถ้าเราทำพฤติกรรมแบบนี้บ่อยๆ เราจะชอบมั้ย เราก็ลองดื่มมันแทนน้ำเลย แล้วดูว่าเราชอบมันมั้ย แล้วพอทำไป ก็ได้เรียนรู้ว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้ชอบกับการดื่มแอลกอฮอล์ เราไม่ชอบการใช้ชีวิตแบบนี้ ณ ตอนนั้นยืนมองตัวเองในกระจก แล้วเข้าใจได้ว่าเราหยุด เราเริ่มต้นชีวิตใหม่ดีกว่า จากวันนั้นจนถึงวันนี้เราก็ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอลล์แล้ว   บางคนดื่มแล้วจะไหลไปกับสิ่งนั้น อะไรทำให้เราหยุด พอ บางคนกว่าจะรู้และถามตัวเองว่าชอบไม่ชอบ มันสายไปแล้ว จุดหันมาคิดมองตัวเองคืออะไร? อาโป : โปว่าโชคดีที่บ้านโป เขาธรรมะธัมโม เขาจะฝึกเรื่องสติ ศีลธรรม เขาสอนเราอยู่ตลอด ทำให้เราฉุกคิดได้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันถูกต้องกับตัวเองมั้ย อยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นได้ ว่าสิ่งที่เราทำเรามีความสุขมั้ย ก็เริ่มต้นชีวิตใหม่   แล้วมาเป็นนักแสดงได้ยังไง? ...

Read More »

เชียร์ ฑิฆัมพร ตอบกระแสหลังร่วมรายการกับอดีตคนรู้ใจ กอล์ฟ พิชญะ แล้วหวานใจตัวจริง ไฮโซบิ๊ก ว่ายังไง?!

เชียร์ ฑิฆัมพร  ตอบกระแสหลังร่วมรายการกับอดีตคนรู้ใจ กอล์ฟ พิชญะ แล้วหวานใจตัวจริง ไฮโซบิ๊ก ว่ายังไง?!

เชียร์ ฑิฆัมพร  ตอบกระแสหลังร่วมรายการกับอดีตคนรู้ใจ กอล์ฟ พิชญะ แล้วหวานใจตัวจริง ไฮโซบิ๊ก ว่ายังไง?!   นักแสดงสาว เชียร์ ฑิฆัมพร ที่วันนี้ควงคุณแม่นก รัตนวรรณ เปิดวีรกรรมสุดแสบวัยเด็ก และโมเมนต์ความสนิทของแม่ลูกที่ซี้กันหนักมาก พร้อมตอบกระแสคู่จิ้นกับอดีตคนเคยสนิทวัยเด็กกอล์ฟ พิชญะ ที่ทำเอาแฟนคลับสงสัย และสงสารคู่จริง อย่าง ไฮโซบิ๊ก งานนี้สาวเชียร์กับคุณแม่นกมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีพีเคปิยะวัฒน์ และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ที่ไปออกรายการแล้วไปเจอแฟนเก่า พอคนรู้ขึ้นมาก็ฮือเลย กระแสเป็นไง? เชียร์ : ตกใจ เราไม่เคยรู้เลยว่ามีคนรู้เรื่องเราเยอะเหมือนกัน แต่เขาแค่ไม่พูด คือหมายถึงแฟนคลับเขารู้อยู่แล้ว แต่เขาแค่ไม่พูด ณ ตอนนั้นเราไม่ได้มีโอกาสที่จะออกมาบอกว่าเราคบกันนะ แล้วพอวันนี้พูดได้เต็มปาก เต็มคำว่าเราเคยคบกัน ทุกคนก็ดีใจ รอวันนี้มา 10 กว่าปีแล้ว   ในรายการนั้น คุณเชียร์มีการหลั่งน้ำตาด้วย? เชียร์ : เชียร์ตกใจมาก เชียร์ไม่คิดว่าเขาจะมาจริงๆ แล้วไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาว่านี่คือรักแรกของเราในวงการเลยเขาพูดคำนี้ออกมาก่อนเลย เชียร์ก็ยิ่งตกใจเลย คือแค่เจอเขามา ทุกอย่างมันก็อยู่ในใจเราอยู่แล้ว   ที่บอกว่ารักแรก ตอนนั้นกี่ขวบ? เชียร์ : ช่วงเชียร์อยู่ ม.5-ม.6 แม่รู้ไหม 17 เขามีแฟน? แม่นก : รู้ แม่ก็ปรามๆ นิดนึง ตอนนี้เราอยู่ในวัยเรียนนะ มันไม่เหมาะสม   ตอนนั้นคบกันมากี่ปีแล้ว? เชียร์ : เอาจริงๆ จำไม่ได้ เพราะว่าช่วงนั้นมีโอกาสใช้เวลาน้อยมาก ย้อนไป 10 ปีกว่า การคบกันมันไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยนี้ แล้วตอนนั้นเราเป็นเลือดมาแรงของช่องเก่า การจับตามองค่อนข้างเข้มงวดพอสมควร   ตอนนั้นคุยกันยังไง? เชียร์ : เริ่มโทรศัพท์บ้านกันก่อน มือถือค่อยๆ มา ยังไม่มีเงินเก็บ ช่วงมือถือยังแพง โทรเข้าโทรศัพท์บ้าน   แม่เคยรับไหม? แม่นก : เคย แม่บอกว่าเชียร์ไม่อยู่ แล้วคนปัจจุบันละ รายการจบปุ๊บ เคลียร์กันเลย? เชียร์ : ไม่ถึงกับเคลียร์นะคะ พอวันถ่ายรายการ ได้มีเปิดใจกับทางกอล์ฟ เราไม่รู้ว่ารายการออกมาเป็นยังไงด้วยซ้ำแต่เรากลับบ้านเราต้องเล่าให้บิ๊กฟังก่อนเลย บอกว่ามันมีเหตุการณ์นี้ นี่แฟนเก่าเชียร์เอง ชื่อกอล์ฟ แล้วคนนี้เป็นรักที่อยู่ในใจเชียร์ เหมือนเรารู้สึกผิดที่ตอนนั้นมันไม่ได้ไปต่อ  แต่ทีนี้การเคลียร์ใจกันมันคือความรู้สึกดีๆ มันคือมิตรภาพมันคือเพื่อนกัน แต่มันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้พูดกันตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา มันทำให้เชียร์รู้สึกว่าบิ๊กน่ารักจังเลย พอเราเล่าเสร็จสิ่งที่เกิดขึ้นเขาเหมือนยิ้ม เขาโอเคมาก เชียร์ว่าความบริสุทธิ์ใจมันมีทั้งกับเชียร์กับกอล์ฟ เชียร์คุยกับกอล์ฟว่าเราเล่าให้บิ๊กฟังนะ กอล์ฟก็บอกว่าเราก็เล่าให้แอนนี่ฟังเหมือนกัน แอนนี่ก็โอเค เข้าใจเหมือนกัน   เจอกอล์ฟร้องเพลงที่สยามอีก? เชียร์ : โมเมนต์ที่ไปร้องเพลงที่สยามมันคือหลังจากรายการจบไปแล้ว มันเหมือนแบบวัยเด็กเราไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตปกติเลย เหมือนแค่เขามาเจอเราหน้าปากซอย 5 นาที แล้วกลับบ้าน ไม่มีได้เดินเล่น ชีวิตเราช่วงนั้นเราไปเจอเขาที่สยามมันเหมือนเป็นจุดเริ่มต้น มันเป็นแหล่งวัยรุ่น ทีนี้เขาชวนเราไปทำคอนเทนต์ช่องของเขา แล้วมันเป็นสิ่งที่เขาเซอร์ไพรส์เรา เหมือนเขาอยากทำให้ อยู่ดีๆ ลากเชียร์ไป ขึ้นเวที ไปร้องเพลงให้เชียร์ เชียร์ก็ตกใจ เชียร์ต้องทำยังไง   เชียร์ได้เจอกับแฟนกอล์ฟ? เชียร์ : วันที่ไปถ่ายที่สยามได้เจอกับแอนนี่ เพราะแอนนี่เขาอยากเจอเชียร์ ก็เลยเห็นเราถ่ายรูปด้วยกัน   รู้สึกยังไง มันย้อนอดีตไหม หรือแค่ภูมิใจกับเพื่อนเก่าคนนึง? เชียร์ : ภูมิใจกับความรู้สึกดีๆ กับเพื่อนเก่าคนนึง เพราะตอนนั้นที่เชียร์บอกว่าทำไมรักครั้งนี้อยู่ในใจ ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็กด้วย มันไม่ได้อธิบายด้วยเหตุผลว่าการที่เราไม่ได้ไปต่อเพราะอะไรมันเลยทำให้เชียร์รู้สึกผิดเวลาเจอหน้า เชียร์ไม่รู้ว่าเขาโกรธเราไหม หรือเขาจะรู้สึกอะไรหรือเปล่า แต่พอวันนี้เวลามันผ่านมา สิ่งที่เขาทำให้ เขาตั้งใจทำให้เราจริงๆ  เราก็เลยประทับใจว่ามิตรภาพที่ดีมันถูกต้องแล้วแหละ วันนี้เราเป็นเพื่อนกันมันมีคุณค่ามากเลย   เชียร์ได้กอดแอนนี้ด้วย? เชียร์ : ใช่ๆ คือแอนนี่น่ารักมาก มาถึงเขาพร้อมที่อยากเจอเรามาก แล้วเราน่าจะมีโอกาสทำงานอะไรด้วยกันเชียร์รู้สึกเสียดายเวลาจังเลย ทำไม 10 กว่าปี เราไม่กล้าคุยกับเขา คือเขายังเป็นเพื่อนที่น่ารักเหมือนเดิม แล้วตอนนั้นทำไมถึงเลิก? เชียร์ : เวลามันน้อยจริงๆ แล้วเรารู้สึกว่ามันยากจังเลย มันเริ่มเกิดความไม่ค่อยเข้าใจกัน เวลาที่จะเจอกันมันยากมากพอเขาโทรมาแล้วเราไม่ได้รับ เขาก็บอกแล้วทำไมไม่รับ คือเขายังไม่ได้เห็นภาพไง การทำงานในวงการเป็นยังไง   ตอนนั้นเขาออกอัลบั้มหรือยัง? ...

Read More »

ไบร์ท นรภัทร ย้อนเล่าชีวิตสุดเหวี่ยง เกเรขั้นสุด โดนรุม 10 ต่อ 1 เย็บ 17 เข็ม!

ไบร์ท นรภัทร ย้อนเล่าชีวิตสุดเหวี่ยง เกเรขั้นสุด โดนรุม 10 ต่อ 1 เย็บ 17 เข็ม!

ไบร์ท นรภัทร ย้อนเล่าชีวิตสุดเหวี่ยง เกเรขั้นสุด โดนรุม 10 ต่อ 1 เย็บ 17 เข็ม!   นักแสดงสุดฮอตจากช่องวัน31 อย่าง ไบร์ท นรภัทร ที่วันนี้จะมาเปิดชีวิตสุดเหวี่ยงในอดีตเกเรขั้นสุด โดดเรียน โดนรุมกระทืบ 10 ต่อ 1 หวิดโดนไล่ออก เสี่ยงตายนับครั้งไม่ถ้วน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ที่มีธัญญ่า ธัญญาเรศ, อาจารย์เป็นหนึ่ง และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ   ตั้งแต่เด็กเป็นหนุ่มที่เกเรมาก? ไบร์ท : มันเป็นแค่ช่วงวัยนึงตอนเด็กของเรา เป็นฟิลเด็กผู้ชายเลย ช่วงประถมเป็นคนเล่นแรง ขี้แกล้ง ขี้หยอก สมัยนั้นมันยังไม่มีคำว่าบูลลี่ออกมา มันไม่ดีหรอก แต่สมัยก่อนเราชอบแกล้ง ชอบหยอกคน   การแกล้งหลายคนจะมองแบบหยิกเพื่อน แต่เราเอาประทัดมาจุด เอาน้ำมันมาราด มันคืออะไร? ไบร์ท : เป็นตอนมัธยมแล้วครับ เด็กผู้ชายเล่นกัน เอาน้ำมันกระป๋องมาฉัดเล่น ฉีดใส่โต๊ะ ใส่เสื้อ ใส่เก้าอี้ แล้วจุดไฟใส่แล้วไฟลุก ตอนนั้นแค่เล่นกันไม่มีอะไร แล้วประทัดไปจุดใส่ใคร? ไบร์ท : ตอนนั้นเป็นช่วง ม.ต้น ที่โดนห้องปกครอง คือโรงเรียนผมตึกนึงมี9ชั้น เราอยู่ชั้น9 แล้วจุดประทัดโยนลงไปข้างล่าง คือมันไม่โดนคนหรอก แต่คนที่อยู่หน้าห้องตกใจ   ในโรงเรียนเราเป็นหัวโจกไหม? ไบร์ท : ไม่ขนาดนั้น มีแสบกว่าผมเยอะครับ ก็ถือว่าเป็นประสบการชีวิตที่ดีครับผม   ติดทัณฑ์บนด้วย? ไบร์ท : ผมว่ามันเรื่องปกตินะ เหมือนโดนตักเตือนฟิลนั้น ผมโดนครั้งแรกตอน ม.1 อันนั้นโดนเตือนรอบแรก เพิ่งเข้าโรงเรียนได้อาทิตย์แรกเอง แล้วไปทะเลาะกับใครก็ไม่รู้ พ่อแม่ว่ายังไง? ไบร์ท : ถ้าเรื่องไม่ได้ใหญ่มาก เขาก็ไม่ได้อะไร เขาก็เป็นห่วงเรานั้นแหละ ผมว่าเด็กผู้ชายช่วงอายุ 14-18 ไม่ฟังพ่อ แม่หรอก วัยรุ่ยอยู่แต่กับเพื่อน เป็นวัยที่คิดว่ามีความคิดเป็นของตัวเองสูง แล้วค่อนข้างดื้อ ไม่ฟังใคร เคยมีแบบว่าแม่ไปส่งที่โรงเรียนตอน 8 โมง พอ 9 โมง แม่มาห้องปกครองเลย ก็เป็นเด็กเกเรสมัยก่อน แอบสูบบุหรี่บ้าง ต่อให้ผมเละเทะเกเรแต่ว่าเรียนคนละเรื่องกัน ไม่ได้หมายความว่าผมเกเรแล้วผมไม่เรียน ผมเรียนดีมากๆ ตลอด   เห็นว่าติดทัณฑ์บน แต่รอดมาได้เพราะน้ำท่วมช่วยชีวิต? ไบร์ท : ช่วง ม.ต้นครับ มันไม่ได้ร้ายแรงมากไม่ถึงขั้นไล่ออก มันจะเป็นใบเขียนไว้ 1-3 ใบอะไรแบบนี้ ทีนี้ปี 54 ผมอยู่ม.2 น้ำท่วม ห้องปกครองอยู่ชั้นล่างใบหายหมดเลย เรื่องชกต่อย เราเริ่มมีตอนอายุเท่าไหร่? ไบร์ท : ช่วง ม.ต้นแหละครับ มันก็มีมาเรื่อยๆ แต่ไม่ถึงขั้นจะเอากันให้ตาย แต่มันก็มีความแบบเอาจริง เอาจังสูง แต่ถ้าเป็น ม.ปลาย เริ่มหนัก ม.ปลาย จะเริ่มเป็นแบบข้ามรุ่นบ้างแล้ว ตอนเด็กๆ เราอาจจะทะเลาะกันเองกับเพื่อนห้องข้างๆ  แต่พอม.ปลาย มันจะเริ่มข้ามรุ่นแล้ว เริ่มข้ามไปโรงเรียนอื่น เริ่มใหญ่ขึ้น ไม่ใช่แค่เด็กต่อยกัน มันเริ่มมีมีด ปืน ระเบิดเข้ามาเกี่ยวแล้ว   โดยส่วนใหญ่เป็นผู้นำหรือผู้ตาม? ไบร์ท : เมื่อก่อนผมเป็นคนค่อนข้างคิดเร็ว ทำเร็ว ใจร้อน มักจะเป็นตัวเริ่ม   เห็นว่ามีรถมอเตอร์ไซค์มาหน้าบ้านเป็น 10 คัน? ไบร์ท : ไม่ถึงครับ น่าจะ 7-8 คัน อันนี้มันเป็นเรื่องของเด็กนอกโรงเรียน คือคนที่ไม่เรียนหนังสือแล้ว ที่มาจำไม่ได้แล้วเรื่องของรุ่นน้องอะไรสักอย่าง แต่มันเลยเถิดมา คือถิ่นเขาอยู่ในหมู่บ้านผม ก่อนหน้านั้นผมทำเขาไว้แสบ พอเขาเห็นผมกลับบ้าน เขาด็ตามมาเป็นโขยง ตอนนั้นก็ตกใจ มาถึงบ้าน เราโกรธมาก พ่อ แม่ก็อยู่ที่บ้าน แต่ก็ไม่มีอะไรคนแถวนั้นก็ช่วยไล่ออกไป หลังจากนั้นเพื่อนๆ ก็ยกพวกมาส่งผมที่บ้าน เกือบโดนแทงกลางห้างคืออะไร? ไบร์ท : ผมไม่รู้ว่าเขาอินอะไรกัน จะมีเด็กอยู่บางประเภทที่ชอบตบของคนอื่น แบบเหมือนได้แล้วกูพิชิตโรงเรียนนี้แล้วแล้วเพื่อนเราเป็นเพื่อนในห้องที่ไม่ได้ก้าวร้าว ไม่ได้อะไร เป็นคนปกติเฮฮา ปาร์ตี้ พอมาโดนอย่างนั้นเราเลยโกรธมาทำแบบนี้กับเพื่อนทำไม เราไม่อยากให้เพื่อนโดน แบบนัดเพื่อนเราไปจบพวกมันที่ห้างไหม   แล้วเรามีอาวุธอะไรไปไหม? ไบร์ท : ไม่มีเลย เข้าห้างใครจะไปคิดว่าจะมี คือเขาเป็นกางเกงยีนส์ขายาว แล้วเป็นมีดอันเท่านี้เอง แล้วเหมือนเขาผูกเชือกไว้ แล้วเขาซ่อนไว้ พอเขอหน้าเหมือนเขม่นๆ เขาก็สาวๆ แม่งทำไรของมันวะ พอมันควักมาเป็นมีด โอ้ว..แย่แล้วกูแต่เราก็ไม่ได้วิ่ง วิ่งไม่ได้มันเสียหน้า เจ็บตัวไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ แต่ตอนนั้นเขาเสียบมาแต่ก็ไม่โดนนะครับ   วัยนั้นเห็นเป็นมีดมันไม่ถอยเลยเหรอ? ไบร์ท : ก็คิดว่าเจ็บ แต่ไม่น่าตาย ความคิด ณ ตอนนั้น เกือบโดนยิงด้วย? ไบร์ท : อันนี้นั่งอยู่บ้านเพื่อน นั่งหน้าบ้านอยู่ในรั้วบ้าน นั่งกันอยู่ 2 คน ผมเอาหนังสือไปนั่งอ่านด้วย ตอนนั้นเรียนวิศวะอยู่ แล้วอยู่ดีๆ มีรุ่นน้องกระโดดมาจากมอเตอร์ไซค์ แบบหน้าลกๆเปิดประตูเข้ามา พี่ช่วยด้วยๆ สักพักก็มีมอเตอร์ไซค์มาอีกเป็นโขยงเลย มีดบ้าง ปืนปากกาบ้าง แล้วมันเป็นรั้วซี่ๆ ยื่นมาเหมือนหนังซอมบี้ เราตกใจมาก วิ่งเข้าบ้านไปกับเพื่อน เข้าไปในครัวไปเอามีดออกมา ตอนเราวิ่งออกมาหน้าบ้านเราเจอปืนปากกาจ่อ จังหวะนั้นแหละ คือจังหวะที่ผมรู้สึกกลัวเข้าจริงๆ มันเหมือนฉากในหนังเวลามันสโลว์ ถ้าก้มปุ๊บมันจะยิงเราทันไหม แต่ถ้าเราวิ่งไปทางนี้มันจะโดนไหม สุดท้ายเขายิงแต่ไม่โดน ...

Read More »

“แอนชิลี” เคลียร์ทุกดราม่าหลังชวดมงมิสยูนิเวิร์ส 2021 พร้อมตอบประเด็นเรียลไซซ์ (ไม่) บิวตี้!?

“แอนชิลี” เคลียร์ทุกดราม่าหลังชวดมงมิสยูนิเวิร์ส 2021 พร้อมตอบประเด็นเรียลไซซ์ (ไม่) บิวตี้!?

“แอนชิลี” เคลียร์ทุกดราม่าหลังชวดมงมิสยูนิเวิร์ส 2021 พร้อมตอบประเด็นเรียลไซซ์ (ไม่) บิวตี้!?     แอนชิลี สก๊อต เคมมิส Miss Univers Thailand 2021 เจ้าของแคมเปญ Real size Beauty ซึ่งวันนี้ขอเคลียร์ทุกดราม่ากับกระแสเรียลไซซ์ แต่ไม่บิวตี้ พร้อมตอบทุกเสียงวิจารย์ว่าทำไมถึงพลาดมงฯ3 โดนบูลลี่หนักจนท้อทำให้ไม่อยากกลับมาเมืองไทยอีกเลย ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ   กลับมาเมืองไทย ดราม่าเยอะมาก สภาพจิตใจตอนนี้เป็นยังไง? แอนชิลี : สบายดี แอนได้ผ่านความเสียใจมาแล้ว ถึงเวลาลุกขึ้นแล้วสู้ต่อ   ตอนแรกที่เห็นกระแสดราม่า รู้สึกยังไงบ้าง? แอนชิลี : ก็รู้สึกเสียใจโดยธรรมชาติ คือเราไม่อยากเป็นคนที่ทำให้ใครผิดหวัง แล้วนั่นเป็นสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับแอนทำให้เพื่อนคนไทยหลายคนผิดหวัง     หลังจากลงเวที  Miss Univers ทำไมถึงสวยขึ้น? แอนชิลี : ก็อาจจะกลับมาอยู่กับคนที่เรารัก กลับมาอยู่ในที่ที่เราชิน   ทีมงานบอกว่าน้ำหนักลงมา 10 กิโล? แอนชิลี : เปล่าค่ะ แอนปกติ คือไม่ได้ขึ้น ไม่ได้ลง คือคนธรรมดาก็อยากจะพูดนะคะโดยธรรมชาติทุกคนก็มีการขึ้น การลง แต่สำหรับแอนตั้งแต่อยู่ที่นั่นกลับมาคือเหมือนเดิม   ตอนพิธีกรประกาศว่า แอนชิลี ไม่ได้เข้ารอบ 16 คน ความรู้สึกเป็นยังไง? แอนชิลี : โดยธรรมชาติเสียใจมาก แอนตั้งใจในการที่เข้ามาประกวด แล้วไม่อยากทำให้คนไทยผิดหวัง คนที่ให้กำลังใจ คนที่ซัพพอร์ต คนที่เชียร์ แบบทำให้เขาผิดหวัง   ตอนที่เขาประกาศเราไม่เข้ารอบ 16 คน ตอนนั้นในใจเราคิดอะไรอยู่ คิดว่าเราบกพร่องตรงไหน ณ ตอนนั้น? แอนชิลี : คือ แอนยึดแคมเปญ Real size Beauty ไปเลย ในโมเมนต์ที่เราเสียใจ เราไม่ได้ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้อย่างเดียวที่ทำได้คือ หาวิธีสู้ต่อ สิ่งที่ทำให้แอนสู้ต่อได้คือแคมเปญของแอน ยึดในโมเมนต์นั้นเลย แล้วก็คุณพ่อ คุณแม่ น้องชาย คืออยากกอด   ความรู้สึกตอนนั้นที่บอกว่าเสียใจ อันนี้คือเสียใจที่สุดในชีวิตไหม? แอนชิลี : ก็ท็อปๆ เลย     แอนคิดว่าเรามีจุดอะไรที่เราไม่ได้เข้าไปรอบ 16 คน เราด้อยตรงไหน? แอนชิลี : แอนไม่มีประสบการณ์การประกวดใช่ไหม สำหรับแอน แอนทำเต็มที่ แต่ว่าแอนต้องขอโทษมันเต็มที่ไม่พอประสบการณ์มันไม่ถึง แล้ว Miss Univers คนใหม่มัยก็สมคนที่ได้แล้ว ทำไมตอนเราตกรอบแล้ว เราบอกว่ากลัวในการกลับเมืองไทย? ...

Read More »
Scroll To Top